8 สิ่งที่คนทำงานประจำ จะต้องพบ

[kaidee20]

1. อย่ามั่นใจในตัวเองเกินความจำเป็นในโลกอินเตอร์เน็ต

หลายๆคนมั่นใจว่าโลกอินเตอร์เน็ตเป็นหลักที่ส่วนตัว จะโพสต์อะไรมันก็สิทธิ์ของพวกเรา แต่ว่ารู้รึเปล่าว่า HR ยุคนี้นอกเหนือจากที่จะดู resume พวกเราแล้ว ยังดูเฟสของพวกเราด้วย สหายพวกเราที่เป็น HR การันตีมาว่าหน้าเฟสบอกความเป็นตัวตนที่แท้จริงของพวกเราได้มากกว่า

Resume เป็นสิบเท่า สิ่งที่พวกเราโพสลงบนโลกออนไลน์ของพวกเรานั้นมีผลกับเราตั้งแต่ก่อนเข้างานซะอีก เมื่อพวกเราเป็นมนุษย์เงินเดือนเต็มกำลัง เรื่องเหล่านี้ยิ่งต้องระมัดระวัง หรือ


หากอย า กมีพื้นที่ส่วนตัวจริงๆเสนอแนะให้แยกเฟสสถานที่สำหรับทำงาน กับ เฟสส่วนตัวเลย แล้วปิดสาธาราณพด้วย ยิ่งเรื่องดราม่าในสถานที่สำหรับทำงาน เกลีย ดคนนั้น เบื่องาน หัวหน้าโง่เขลา ห้ามโพสต์เด็ดขาด โพสต์ปุ้บมีคนแคปไปฟ้องแน่นอน

2. ต้องเป็น "ผู้รับจ้างมืออาชีพ"

ถ้าอย า กเป็นมนุษย์เงินเดือนที่บรรลุเป้าหมายแล้วก็มีความสุข จงเป็น "ผู้รับจ้างมืออาชีพ" ให้ได้ ผู้รับจ้างมือโปรก็คือผู้ที่ใส่ใจได้ว่า "พวกเราถูกว่าจ้างมาด้วยค่าจ้างจำนวนหนึ่ง"

นั่นถือว่าบริษัทเค้าปรารถนาบางสิ่งบางอย่างจากพวกเราแลกกับเงินเดือนนั้นๆเราจำเป็นต้องทราบดีว่าบริษัทว่าจ้างพวกเรามาทำอะไร และทำมันให้ดีมากกว่าที่บริษัทคาดหวังถ้าเกิดอยากความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่

ถ้าเกิดงานที่ทำอยู่คิดว่าไม่ตรงกับ skill หรือ passion ของพวกเรา ก็ไม่สมควรทรหดอดทนทำไป น่าจะหางานที่เราทำแล้วเรามีความสุขรวมทั้งทำเป็นดีเพื่อดึงศักยภาพของตัวเองออกมาให้เยอะที่สุด


นอกเหนือจากที่จะทำให้พวกเราเติบโตในหน่วยงานแล้ว ยังเป็นเหตุให้พวกเราปรับปรุงตนเองอยู่ตลอดเวลาและไม่เบื่อด้วย แต่ก็มิได้จะเชียร์ให้เป็นคนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อนะ ทรหดอดทนทำไปจนกระทั่งจุดหนึ่ง

พวกเราจะรู้เองว่าควรไปทางไหนต่อ รีบหาสายงานที่ใช่ให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้วพวกเราจะเป็น Expert ได้เร็วกว่าบุคคลอื่น อายุเท่านี้ไม่ต้องกลัวการลาออก จะลาออกกี่ครั้งก็ได้ ถ้าเกิดในที่สุดพวกเราพบสายอาชีพที่พวกเรารักแล้วก็อย า กทำ จะเป็นอะไรที่คุ้มมาก

และ ด้วยคอนเซ็ปท์เดียวกัน "เราถูกจ้างมาด้วยเงินเดือนจำนวนหนึ่ง" อย่าทำงานมากเกินกว่าค่าแรงงานกระทั่งเกินไป ทุ่มเทได้ แม้กระนั้นควรจะมีผลลัพธ์ที่ดีตามออกมาด้วย เช่นได้ปรับเงินเดือน ได้ประเมินดี

หาเวลาอยู่กับบิดามารดา ญาติๆบ้ า ง หันกลับไปดูข้างหลังบ้ า งว่าผู้ที่เป็นบันไดให้เรามายืนจุดนี้ ในช่วงเวลานี้เค้าเป็นยังไงกันบ้ า งนะ? อย่าลืมว่าพ่อแม่แก่ลงทุกวี่วัน ดูแลสุ ข ภ า พ ท่านด้วย ถ้าเดือนไหนมีเงินเหลือก็ตรวจสุ ข ภ า พ ให้แด่ท่านแล้วหาเวลาไป มันไม่ตรากตรำหรอก แลกกับความสุขของบิดามารดา

3. มีคนรักในสถานที่สำหรับทำงานได้แต่ว่าจำต้องเห็นด้วยผลปรากฏว่า

ถ้าหากคุณเป็นคนที่แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออก แนะนำว่าอย่ามีคู่รักในสถานที่สำหรับทำงาน มิได้พูดว่าไม่ควรคบคนในสถานที่ทำงาน แม้กระนั้นถ้าเกิดคบแล้วหลังจากนั้นก็ต้องเห็นด้วยผลที่ตามมาให้ได้ อาจต้องพบเรื่องราวได้แก่

ทะเลาะเบาะแว้งกับแฟนมาแล้วจำต้องมาคุยงานกัน มีผู้ใดกันแน่บ้ า งแบ่งเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานออกจากงานได้ 100% บ้ า ง ถ้าเกิดไม่ต้องเจอหน้ากันวันแล้ววันเล่าหรือดำเนินการสนิทสนมก็ยังเพียงพอโอเค แต่ว่าถ้าหากทีมเดียวกันอาจจะอ่อนแรงหน่อย ทะเลาะกันขึ้นมาเมื่อไหร่รู้ทีค่อนบริษัท

4. หาคนที่เป็นมากกว่าเพื่อนร่วมงานให้พบ

ความไม่เหมือนระหว่าง "เพื่อน" กับ "สหายร่วมงาน" คืออะไร...? ที่เค้าบอกว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนพ้องย า กก็น่าจะจริง สมัยประถม การหาเพื่อนใหม่ไม่ย า กเท่าสมัยมัธยม และก็ การหาเพื่อนฝูงในยุคมัธยมก็ไม่อย า กเท่าตอนเข้ามหาวิทย า ลัย มันแปลว่ายิ่งพวกเราโตขึ้นเท่าไหร่ พวกเราจะหาเพื่อนพ้องย า กขึ้นเพียงแค่นั้น และไม่จำเป็นต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนที่จริงใจคนนึงในที่ทำงานมันย า กมากแค่ไหน นอกเหนือจากที่จะมีเรื่องผล

ตอบแทน ทั้งยังตำแหน่ง เงินเดือน การคาดคะเน เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของคนเราค่าตอบแทนรายเดือนอย่างเราเป็นไปดำเนินการ ไม่ได้ไปทำกิจกรรมสานชมรมหาเพื่อนฝูง โดยเหตุนั้นวันๆพวกเราจึงจะเจอแค่เพื่อนฝูงร่วมทีม ซึ่งส่วนใหญ่และจากนั้นก็เป็นการคุยกันแค่เรื่องงานเท่านั้น การมีกลุ่มที่อยู่ด้วยแล้วสนิทใจอย่างนี้ พวกเรารู้สึกว่ามันคือผลกำไรชีวิต


พย า ย า มหาคนเหล่านี้ให้เจอในสังคมการทำงาน แล้วเราจะอย า กไปทำงานมากขึ้น ให้พวกเราทดลองถามตนเองว่า "ถ้าเราลาออกจากที่นี่ พวกเรายังจะอย า กนัดคนนี้รับประทานข้าวอยู่ไหม...?" หากคำตอบคือใช่ ยินดีด้วย คุณพบสหายจริงๆในที่ทำงานแล้วววว

5. พอใจแต่อย่าตั้งใจทางวิ่งคนอื่นๆ จุดโฟกัสที่ลู่วิ่งของเรา

เมื่อทำงานไปนานๆเราอาจมองเห็นสหายๆในที่ทำงานของพวกเราคนไม่ใช่น้อยเริ่ม ออกไปเรียนต่อ สร้างครอบครัว บางบุคคลเปลี่ยนงานไปงานที่เงินเดือนสูงสุดๆบางคนเริ่มธุรกิจของตน

ไอคนนั้นคนนี้ก้าวหน้าแล้วตัวเราล่ะทำอะไรอยู่ จงจดจำไว้ว่าอย่าเอาจังหวะชีวิตของพวกเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่นๆเด็ดขาด โฟกัสที่ทางวิ่งของพวกเรา ทราบดีว่าพวกเรากำลังจะทำอะไร

รู้ว่าจุดหมายปลายทางพวกเราต้องการอะไร รู้ว่าวันนี้พวกเราปฏิบัติดีกว่าเมื่อวานแล้วหรือยัง ก็พอเพียงแล้ว แอบดูทางวิ่งคนอื่นบ้ า งเป็นบางครั้ง เพื่อเป็นแรงผลักดันตัวเองให้พย า ย า มมากขึ้น แต่ว่าอย่าเอามาเทียบจนถึงทำให้ตัวเองทุกข์

6. เล่นการเมืองกับทุกคน

เล่นการเมืองกับทุกคนไม่ได้แปลว่าให้เราไม่จริงใจกับใครกันแน่ แต่ว่าการเล่นการเมืองกับทุกคนคือ.. การที่เราดูว่าคนนี้เป็นคนอย่างไร จะเข้ากับเขาได้เช่นไร มิได้พูดว่าให้สตอเบอร์ปรี่ หรือฝ่าฝืนตนเองมากๆนะ แต่แต่ละคนเขาก็มีพื้นฐานนิสัย ความชอบ โตมาในสังคมที่ไม่เหมือนกัน การที่พวกเราดูแล้วรู้ว่าจะ "อยู่ร่วมกับเขาแบบเป็นมิตร"

ได้อย่างไรจะทำให้พวกเราได้เปรียบมากๆเว้นแต่วางตัวง่ายแล้ว พวกเราจะไม่มีศั ต รู เคสนี้รวมทั้งบางคนที่ดูแล้วผิดจริตกัน การวางตัวกับเขาก็คือเฉยๆทักสวัสดีตามมารย า ท ไม่จำเป็นที่จะต้องไปคุยก็ไม่ต้องคุย... เราไม่เคยรู้หรอกว่าวันนึงโลกจะเหวี่ยงเราเข้าไปทำงานกับผู้ใดกันแน่ เพราะฉะนั้น อย่าสร้างศั ต รู เด็ดขาด...!!!

7. โดนด่าวันนี้ ดีมากยิ่งกว่าโดนดุด่าตอนอายุ 50

ด้วยความที่อายุพวกเรายังน้อยนี่เป็นข้อเด่นสุด เพราะ อายุยังน้อยความหวังจากคนรอบข้างมันเลยน้อยตามไปด้วย ทำอะไรไม่ถูกก็มักมีคนให้อภัยเสมอ แม้เราจะรู้สึกกดดันสำหรับในการดำเนินงานสุดๆแม้กระนั้นเชื่อเถอะ พวกเราล้มเหลววันนี้ ดีมากยิ่งกว่าเราไปล้มตอนอายุ 50 ถึงวันนั้นจะไม่มีคนคุ้มกะลาหัวเราด้วยซ้ำ

8. พวกเรามิได้เกิดขึ้นมาเพื่อดำเนินงานอย่างเดียว

เราไม่ได้ดำเนินการแล้วแฮปปี้ทุกวี่วัน หลายหนที่เรากลับไปบ้ า นแล้วอย า กจะลาออกมันซะเดี๋ยวนั้น แต่ว่าถ้าหากเรามีเป้าหมายอื่นๆในชีวิต เป็นต้นว่า เก็บเงินซื้ อ บ้ า น ซื้ อ รถยนต์ เที่ยวรอบโลก การเปลี่ยนมาทำเรื่องที่เราถูกใจจะก่อให้จิตใจเบิกบานขึ้น แล้วก็เพิ่มความเชื่อมั่น เพราะเหตุว่าการเฟลจากที่ดำเนินการส่วนมากมักทำให้เราเสียกำลังใจ

และขาดความมั่นใจและเชื่อมั่นในตนเองในตนเอง ส่วนตัวสำหรับเรามันส่งผลถึงการเข้าสังคม การตัดสินใจในเรื่องงาน แล้วก็อีกเพียบเลย ยกตัวอย่าง เรามีเพื่อนคนนึงชอบตัดเย็บเสื้อผ้ามากมาย เป็นจริงเป็นจังขนาดลงคอร์สเรียนเส า ร์อาทิตย์ ในเวลานี้ดำเนินงานประจำไปด้วย ตัดเสื้อผ้าขายไปด้วย ตั้งมั่นดำเนินการเป็นเรื่องที่ดี แต่ว่าหาอันอื่นทำบ้ า งชีวิตจะได้ไม่เฉาคาที่ทำงาน
ทำงาน
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13496/