• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

เปิด 6 สัญญาณอันตราย ฮีทสโตรก หมา-แมว

Started by dsmol19, April 05, 2023, 07:56:22 PM

Previous topic - Next topic

dsmol19

เช็ก 6 สัญญาณเตือนภัยร้าย ที่ไม่ควรละเลย ร้อนมากระวัง "สุนัขแมว" เสี่ยงเป็นฮีทสโตรก ร้อนมากจนตาย


อากาศในประเทศไทยไม่ว่าฤดูกาลไหน ปฎิเสธมิได้ว่ามักพบอากาศร้อนอบอ้าว หนึ่งในภัยร้ายใกล้ตัวหมายถึง"โรคลมแดด" หรือที่รู้จักกันในชื่อ "ฮีทสโตรก" โรคยอดฮิตที่พบได้ทั่วไปในตอนหน้าร้อน แม้กระนั้นใช่ว่าจะเกิดกับคนแค่นั้น เนื่องจากว่าในสัตว์เลี้ยงของเราก็เป็นโรคนี้ได้เช่นเดียวกัน



อย่างไรก็แล้วแต่ฮีทสโตรก เป็นภาวการณ์ที่ร่างกายของสัตว์ไม่อาจจะระบายความร้อนออกมาได้ ทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงยิ่งกว่าปกติเป็นสูงกว่า 41 องศาเซลเซียส ความร้อนที่มากขึ้นเรื่อยๆจะส่งผลเสียต่อรูปแบบการทำงานของอวัยวะภายในต่างๆ


แถมโรคนี้ยังเกิดขึ้นได้กับสัตว์เลี้ยงทุกจำพวก โดยยิ่งไปกว่านั้นน้องหมา น้องแมว เพราะว่าธรรมดาหมาและแมวจะมีต่อมเหงื่อบริเวณอุ้งเท้าและจมูกเท่านั้น การระบายความร้อนจึงจะต้องอาศัยการหายใจแล้วก็การหอบเป็นหลัก

แม้ร่างกายของพวกเขาไม่สามารถที่จะระบายความร้อนได้ทัน ก็จะเกิดภาวะฮีทสโตรกขึ้น รวมทั้งสำเร็จให้ทำให้เป็นอันตรายต่อระบบอวัยวะภายในร่างกายหลายๆส่วนได้ ถ้าเกิดอาการหนักและไม่ได้รับการเกื้อกูลอย่างทันการ บางทีอาจจำต้องพบการสูญเสียสัตว์เลี้ยงที่คุณรัก


แน่นอนว่าน้องๆสัตว์เลี้ยงพูดไม่ได้ "ฮีทสโตรก" จึงเป็นเรื่องที่ควรศึกษา ถึง 6 สัญญาณอันตราย เพื่อเตรียมรับมือหากเกิดกับสัตว์เลี้ยงของเรา

1. หอบ หายใจเร็ว หายใจไม่สะดวก

2. ลิ้นแดงสด

3. น้ำลายเหนียวหนืดเหนียว

4. อ่อนล้า เดินตุปัดตุเป๋

5. ม่านตาขยาย

6. ช็อก เป็นลมหมดสติ

วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น หากเราตรวจตราแล้วว่าสัตว์เลี้ยงของเรามีลักษณะอาการของโรคลมแดดจริง ให้เรารีบช่วยเหลือพื้นฐาน ดังนี้

1. นำสัตว์เลี้ยงเข้ามาอยู่ในที่ร่ม อากาศระบาย

2. นำน้ำเย็นใส่ขวด หรือน้ำแข็งใส่ถุงมาประคบรอบๆที่บริเวณ ขาหนีบ หรือใต้จั๊กกะแร้ รวมถึงบนหัวสักพัก


3. รีบพาไปพบสัตวแพทย์ใกล้บ้านเพื่อกระทำการรักษาถัดไปวิธีคุ้มครอง

1.อยู่ในเขตพื้นที่ร่มอากาศถ่ายเทได้สะดวก

2.หลบหลีกกิจกรรมกลางแจ้ง

3.จัดแจงน้ำให้พอเพียง

4.เช็ดตัวเพื่อระบายความร้อน

5.ตัดแต่งขน

6.มีเบาะนอนเจลเย็นสำหรับสัตว์เลี้ยง
แมว
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13454/