การสำรวจดิน ✅คือกรรมวิธีการเจาะดิน, การเก็บตัวอย่าง, การทดสอบดิน (https://groups.google.com/g/comp.lang.clipper.visual-objects/c/UDgZP9PKu88)ในสนาม, การหยั่งลึกชั้นดิน 🥇หรือใช้เทคนิคอื่น ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลทางแนวดิ่งของชั้นดิน และการเปลี่ยนแปลงทางแนวราบ เพียงพอในการที่จะใช้ออกแบบ 📢หรือการศึกษาเชิงปฐพีกลศาสตร์ การเจาะสำรวจดินต้องพิจารณาการใช้งาน เช่น การสร้างถนนหรือสนามบิน การสำรวจจะกระทำเพียงตื้น ๆ แต่งานฐานรากลึกต้องเจาะลึกกว่าปลายเข็มที่ใช้ 🛒สำหรับในบทนี้จะพูดถึงการเจาะสำรวจดินโดยวิธีเบื้องต้น โดยใช้ สว่านมือ (Hand Auger), การเจาะล้าง (Wash Boring) ✨และการเก็บตัวอย่างดินด้วยกระบอกบาง📢
🛒🛒🛒เหตุผลในการเจาะสำรวจดินก่อนก่อสร้าง⚡⚡⚡
1. การทราบประเภทและชนิดของดินใต้พื้นที่ ✅และรู้ลักษณะเชิงกลของดิน เราจะได้เลือกใช้ฐานรากได้ถูกประเภท 🛒เช่น หากดินแข็งพอสมควรอาจใช้ฐานแผ่🦖
2. การรู้ความลึกของชั้นดินแข็ง ✨ช่วยในการคำนวณกำลังรับน้ำหนักเสาเข็ม🦖 เลือกขนาดและความยาวเสาเข็มที่ต้องใช้ได้👉
3. การลดความเสี่ยงในการตอกเสาเข็ม ✅เพราะหากเจอชั้นดินแข็ง แต่ไม่หนาที่ชั้นความลึกไม่มาก 👉อาจทำให้คนตอกเสาเข็มหยุดตอก เพราะคิดว่าถึงชั้นดินแข็งแล้ว ⚡ทั้งที่จริง ๆ สามารถตอกทะลุลงไปได้อีก ✨หากดินในบริเวณที่สำรวจมีความผันผวนมาก วิศวกรควรสั่งเจาะสำรวจดินหลายหลุม เพื่อเปรียบเทียบ ✅เพราะอาจต้องออกแบบฐานรากหลายชนิด สำหรับก่อสร้างอาคารนั้น📌
(https://i0.wp.com/xn--82ca0bu1cyat1crc0a8k9g.com/wp-content/uploads/2024/07/Wash-Boring-vs-Rotary-Drilling.jpg?resize=306%2C205&ssl=1)
✅✅✅การสำรวจดิน (Soil Exploration)📢📢📢
การเจาะสำรวจชั้นดิน🎯คือการเจาะหลุมลงไปในดินเพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงของชั้นดิน✨และเก็บตัวอย่างดินมาทำการทดสอบคุณสมบัติในห้องปฏิบัติการ🥇โดยทั่วไปวิธีการสำรวจดินที่นิยมในประเทศไทย 📢ได้แก่
1. การเจาะโดยใช้สว่านมือ (Hand Auger) 🥇เป็นการเจาะด้วยแรงคน โดยใช้สว่านมือและแท่งเจาะดังรูปด้านล่าง 🦖โดยที่ก้านเจาะซึ่งยาวประมาณ 1 เมตร สามารถต่อให้ยาวหลาย ๆ ท่อนได้ เมื่อกดและหมุนก้านจนดินเต็มสว่านแล้วดึงขึ้นเพื่อนำดินออก 📌ดินส่วนนี้สามารถนำไปทดสอบคุณสมบัติทางวิศวกรรมบางประเภทได้ 📢การเจาะด้วยสว่านมือสามารถทำได้ลึกถึง 6-10 เมตรในดินเหนียวแข็งปานกลาง 🌏ข้อเสียของการเจาะประเภทนี้คือไม่สามารถเก็บตัวอย่างดินเพื่อนำมาหาคุณสมบัติด้านความแข็งแรงหรือการทรุดตัวของดินได้เนื่องจากโครงสร้างดินถูกทำลายโดยสว่าน🛒
2. การเจาะโดยใช้การฉีดล้าง (Wash Boring) 🛒คือการใช้แรงดันน้ำฉีดเจาะทำลายโครงสร้างดินเพื่อให้เกิดหลุม และเกิดการรบกวนดินด้านล่างน้อยที่สุด ✅วิธีการเจาะเริ่มโดยการเจาะชั้นดินโดยการสูบน้ำผ่านก้านเจาะลงไปที่หัวฉีดที่ก้นหลุมพร้อม ๆ กับกระแทกหรือหมุนของหัวเจาะ 🌏ทำให้ดินที่ก้นหลุมถูกฉีดและไหลตามน้ำขึ้นมาบนผิวดินลงในอ่างตกตะกอน จากนั้นสูบน้ำที่ใสนำกลับมาใช้ใหม่ ⚡ดังรูปด้านล่าง วิธีนี้ต้องอาศัยสามขา (Tripod) เครื่องกว้าน (Motor และ Catch head) 👉และเครื่องสูบน้ำ ในกรณีที่เจาะในชั้นของดินอ่อน จะต้องใช้ปลอกกันดินพัง (Casing)ด้วย โดยต่อเป็นท่อน ๆ 📢และเมื่อเจาะถึงชั้นทรายจะไหลเข้ามาในหลุม จึงต้องผสมสารเบนโทไนต์ (Bentonite) กับน้ำ 🦖เนื่องจากเบนโทไนต์คือแร่ชนิด มอนต์มอริลโลไนต์ มีความสามารถในการดูดน้ำดีและพองตัวได้มาก 📢ทำให้ความหนาแน่นของน้ำภายในหลุมมากกว่าน้ำในชั้นทราย🛒 น้ำจึงไม่ไหลเข้าในหลุม การเจาะแบบนี้สามารถหยุดเพื่อเก็บตัวอย่างดินได้ตามระยะที่กำหนด 🛒การเจาะสำรวจในกรุงเทพฯ เพื่อก่อสร้างอาคารจะเจาะสำรวจตั้งแต่ 30-80 เมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับน้ำหนักของอาคาร✅
ขอบคุณครับ
สุดยอกมากค่ะ
เข้าใจแล้วค่ะ
เข้าใจแล้วค่ะ